National Park Nikko คือสรวงสวรรค์แห่งธรรมชาติที่อยู่ห่างจากโตเกียวเพียงสองชั่วโมง นิกโก้กลายเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติมานานแล้วเพราะอยู่ใกล้เมืองหลวง ใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีแดงจัดจ้านในฤดูใบไม้ร่วง อีกทั้งอากาศยังสดชื่นเย็นสบายในฤดูร้อน แถบนี้งดงามในทุกฤดูกาล แม้จะได้รับการแนะนำจากหลายๆ ที่ว่าเดินทางจากโตเกียวก็ท่องเที่ยววันเดียวกลับได้สบายๆ แต่เราก็รับชมทุกอย่างภายในวันเดียวไม่ไหวหรอกนะ

การผจญภัยเริ่มขึ้นแล้ว!

ตอนย่างเท้าออกจากรถไฟในนิกโก้ให้ความรู้สึกเหมือนเราก้าวเข้าสู่ฉากหนึ่งในภาพยนตร์ของจิบลิเพราะรอบด้านเต็มไปด้วยความเขียวขจี ฤดูร้อนในนิกโก้ไม่ใช่ฤดูร้อนตามปกติแบบที่ฉันคุ้นเคยในฐานะชาวต่างชาติผู้อาศัยอยู่ในโตเกียว อากาศสดชื่นเอามากๆ ทว่า จุดหมายปลายทางของเราอยู่เลยนิกโก้ไปอีก นั่นคือโอคุนิกโก้นั่นเอง เราขึ้นรถชัตเติลบัสของทางโรงแรมจากสถานี Tobu Nikko และมุ่งหน้าเข้าไปในภูเขา ได้เห็นทิวทัศน์ทางประวัติศาสตร์หลายแห่งระหว่างเดินทาง หลังรู้สึกพิศวงกับ Shinkyou Bridge อย่างเต็มอิ่มพอดูขณะนั่งรถชัตเติลบัส ทัศนียภาพก็ไม่มีอะไรแล้วนอกจากถนนและต้นไม้ระหว่างทาง รู้สึกราวกับว่าจะเจอสัตว์ป่าได้ทุกเมื่อเลยทีเดียว

พอมาถึงโอคุนิกโก้และ Chuzenji Kanaya Hotel ฉันก็ได้รู้ว่าสิ่งปลูกสร้างในย่านนี้ซ่อนตัวอยู่ตรงไหล่เขา แทบจะโดนบดบังเสียหมดด้วยความงดงามของ Lake Chuzenji ทะลสาบอันกว้างใหญ่ไพศาลถือกำเนิดเมื่อ 2 หมื่นกว่าปีก่อนจากการระเบิดของ Mt. Nantai ที่ยังคงตั้งตระหง่านเฝ้ามองทะเลสาบจากด้านบน อีกหลายพันปีต่อมา นักบวชนามว่าโชโดได้ค้นพบอาณาบริเวณนี้หลังเดินทางถึงยอดเขา Mt. Nantai นับแต่นั้นมาภูเขาลูกนี้และบริเวณรอบๆ ก็ถูกมองว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์สำหรับเหล่าผู้นับถือและนักเดินทาง นี่อาจเป็นเหตุผลว่าเหตุใดนักการทูตชาวต่างชาติหลายคนจึงตัดสินใจสร้างบ้านพักตากอากาศในย่านนี้

นิกโก้ในสายตาชาวโลก

นิกโก้ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวในประเทศ แต่ก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าดึงดูดใจเป็นพิเศษในความรู้สึกของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเสมอมา เมืองนี้และพื้นที่ทั้งหมดเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังมีความเกี่ยวข้องกับชาวตะวันตกผู้มีชื่อเสียงทางการเมือง ซึ่งช่วยเพิ่มมนต์เสน่ห์ให้บริเวณนี้มากขึ้นอีกอักโข สามารถสังเกตได้จากวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมโดยเฉพาะในโอคุนิกโก้

หนึ่งในหลักฐานที่บ่งบอกสายใยทางประวัติศาสตร์ระหว่างนิกโก้และโลกตะวันตกที่เราได้เห็นเป็นอันดับแรกก็คือ Chuzenjiko Lake Boat House ที่นี่คืออัญมณีล้ำค่าจากการถักทอวัฒนธรรมตะวันตกและวัฒนธรรมญี่ปุ่นเข้าด้วยกัน ตั้งอยู่ห่างจาก Chuzenji Kanaya Hotel เพียงไม่กี่ก้าว สร้างขึ้นหลังสงครามเพื่อเป็นศูนย์สุขภาพสำหรับนายทหารชั้นสัญญาบัตรของกองทัพอเมริกา แต่ปัจจุบันนี้กลายเป็นหนึ่งในจุดชมวิวอันสมบูรณ์แบบสำหรับการชมทิวทัศน์ของ Lake Chuzenji และ Mt. Nantai

ในที่สุดเราก็ออกเดินทางจากโรงเรือโดยนั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามทะเลสาบไปยังบ้านพักตากอากาศของสถานทูตอันเป็นอนุสรณ์ที่ยังคงตั้งอยู่เพื่อยืนยันความสำคัญของโอคุนิกโก้ เรือเฟอร์รี่เผยให้เราเห็นทิวทัศน์ที่งดงามจนต้องกลั้นหายใจยิ่งขึ้นอีกของทะเลสาบชั้นใน แล้วผู้โดยสารยังได้ลองทำกิจกรรมตามฤดูกาลของแถบนี้ นั่นคือการตกปลาอีกด้วย

เราเดินทางมาถึงบ้านพักตากอากาศหลังแรกซึ่งสร้างโดยนักการทูตชาวอังกฤษชื่อเออร์เนสต์ ซาเตา เขามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างใหญ่หลวงในการปฏิรูปเมจิ ระยะนี้เพิ่งมีการซ่อมแซมสิ่งปลูกสร้างจนดูเหมือนเพิ่งก่อสร้างเสร็จเมื่อวานนี้เอง บ้านพักตากอากาศแห่งนี้คือหนังสือภาพให้ผู้คนจินตนาการถึงบ้านแบบอังกฤษดั้งเดิม ผนังเป็นสีขาวบริสุทธิ์ มีหนังสือและภาพถ่ายเรียงรายอยู่เต็มผนัง ทำเอาฉันจินตนาการถึงห้องเขียนหนังสือของเชอร์ล็อก โฮล์มส์ ผู้มาเยือนสามารถอ่านเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของบ้านหลังนี้เพราะแผ่นจารึกจำนวนมากมาพร้อมภาพถ่ายขาวดำของตระกูลซาเตา มีคาเฟ่สไตล์อังกฤษเปิดให้บริการที่ชั้นสองของอาคาร จากตรงนั้นมองลงไปจะเห็น Lake Chuzenji

สิ่งปลูกสร้างที่อยู่ติดกันคือบ้านพักตากอากาศของสถานเอกอัคราชทูตอิตาลีที่เพิ่งได้รับการซ่อมแซมให้กลับมามีมนต์เสน่ห์ดังเดิมเช่นกัน สถาปัตยกรรมของที่นี่ผสมผสานลวดลายแบบญี่ปุ่นและอิตาลีได้อย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีตั้งแต่การใช้ประตูเลื่อนในฝั่งที่หันหน้าเข้าหาทะเลสาบ ไปจนถึงการใช้ไม้ไผ่ในการออกแบบเพดานของบ้านพัก บ้านพักตากอากาศแห่งนี้จะมอบประสบการณ์อันอบอุ่นเป็นมิตรให้แก่ผู้มาเยือน อีกทั้งยังเป็นเครื่องแสดงถึงประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นในการผสมผสานองค์ประกอบของโลกตะวันออกและโลกตะวัตกเข้าด้วยกัน หนึ่งในผู้ดูแลมาเล่าให้เราฟังเกี่ยวกับจุดคล้ายคลึงระหว่าง Lake Chuzenji กับ Lake Komo ในประเทศอิตาลี แน่นอนว่าการทูตอาจก้าวข้ามผู้คนกับประเทศและแผ่ขยายผ่านทางธรรมชาติด้วยอีกทาง

เส้นทางหลบหนีอันดีเยี่ยมจากป่าคอนกรีตจะไม่สมบูรณ์หากเราไม่ได้เข้าพักโรงแรมชั้นดี Chuzenji Kanaya Hotel เป็นโรงแรมสไตล์ตะวันตกที่มีขนบธรรมเนียมอันยาวนานและบริการเป็นเลิศ อาหารฝรั่งเศสของทางโรงแรมเลือกใช้ปลาเทราต์ที่จับได้ในท้องถิ่นมาประกอบอาหารในสไตล์ญี่ปุ่น โรงแรมแห่งนี้แวดล้อมไปด้วยสีเขียวขจี สถาปัตยกรรมภายในใช้ไม้เป็นจำนวนมาก เราจึงรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับธรรมชาติตลอดเวลา นี่คือความลงตัวอันสมบูรณ์แบบระหว่างลักษณะของความเป็นเมืองกับธรรมชาติ และระหว่างสไตล์ตะวันตกกับประเทศญี่ปุ่น

น้ำกระเซ็นในฤดูร้อนของโอคุนิกโก้!

ดูเหมือนมีน้ำอยู่ทุกหนแห่งในนิกโก้ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าและสิ่งแสดงความงดงาม เจ้าหน้าที่ของ Nikko Natural Science Museum ยืนยันว่าบริเวณนี้อุดมไปด้วยน้ำและสัตว์ป่าคุ้มครอง ถัดจากพิพิธภัณฑ์มี Kegon Falls อันเป็นหนึ่งในน้ำตกหลายสายที่มีอยู่ในนิกโก้ อาจกล่าวได้ว่าน้ำตกสายนี้น่าประทับใจที่สุดแล้ว ก่อนจะขึ้นไปดูน้ำตกใกล้ๆ นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับการนั่ง Akechidaira Ropeway ขึ้นไปยัง Akechidaira Platform เพื่อรับชมน้ำตกพุ่งลงมาจาก Lake Chuzenji ที่ระดับความสูงเกือบร้อยเมตร!

อันที่จริงน้ำตกแห่งนี้เคยสูงกว่านี้มากเมื่อหลายปีก่อน ทว่า พายุไต้ฝุ่นเมื่อเร็วๆ นี้ก็เป็นต้นเหตุของการเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้จุดเริ่มต้นของน้ำตกอยู่ระดับต่ำกว่าเดิมในภูเขา แม้กระนั้นน้ำตกแห่งนี้ก็ยังโดดเด่นและน่าทึ่งอย่างยิ่งยวดเมื่อได้เห็นใกล้ๆ หากอยากจะรับชมใกล้ๆ ก็มีลิฟต์พาเราไปยังจุดชมวิวแบบฟรีและแบบเสียค่าใช้จ่ายที่จะช่วยให้เราได้ชื่นชมน้ำตกจากด้านล่าง ตอนเราไปถึงก็พบว่าวันนี้เหมาะเจาะสำหรับการชม Kegon Falls เลย ถึงฝนจะตกก็เถอะ หมอกและความเขียวขจีรอบน้ำตกช่วยเพิ่มออร่าให้แถบนี้จนมันดูราวกับโลกอื่น

เช้าวันที่สองเราตื่นมาพบท้องฟ้าแจ่มใสที่เปลี่ยนบริเวณนี้ให้กลับตาลปัตร Lake Chuzenji มีสีสันแบบใหม่ แล้วสีสันก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ ตลอดทั้งวันจากสีเขียวเป็นสีน้ำเงิน ก่อนจะกลายเป็นสีเงินและสีที่อยู่ระหว่างสีเหล่านั้น แล้วเราก็ได้เห็นยอดเขา Mount Nantai ชัดเจนแจ่มแจ๋ว สภาพอากาศช่างสมบูรณ์แบบสำหรับการเดินชมธรรมชาติรอบภูเขาและในป่า

Lake Chuzenji เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติชื่อดังก็จริง แต่เราขอนั่งหนึ่งในรถบัสที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของนิกโก้ไปยังทะเลสาบขนาดเล็กกว่าที่มีชื่อว่า Lake Sainoko การจราจรประเภทอื่นถูกสั่งห้ามทั้งหมด สัตว์ป่าเดินได้ตามอิสระบนถนน รถบัสพาเรามาลงที่เส้นทางชมทิวทัศน์ทางธรรมชาติที่นำเราสู่ Lake Sainoko ในที่สุด ทางเดินดูเจิดจ้าและเขียวชอุ่ม ก่อให้เกิดร่มเงามากมายที่ช่วยบดบังแสงแดดในฤดูร้อน คุณโมริตะ มัคคุเทศก์ทางธรรมชาติของเราเล่าว่า บริเวณนี้คือที่หลบภัยสำหรับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและนกนานาชนิด เราได้เห็นครอบครัวของลิงหิมะ แต่มีคนเห็นหมีในแถบนี้เมื่อสองสามวันก่อนด้วย ถึงเราจะต้องเดินไกล เส้นทางก็เดินง่าย นักท่องเที่ยวสามารถเพลิดเพลินกับพืชพรรณและต้นไม้หลากหลายพันธุ์ตลอดทาง

หลังเดินเข้าไปในป่าต่อตามการนำทางของคุณโมริตะ เราก็ได้รับชมทัศนียภาพอันน่าอัศจรรย์ของ Mt. Nantai และสัมผัสอากาศที่เกือบจะเป็นเขตร้อน! ที่นี่คือ Senjugahama Beach ให้ความรู้สึกราวกับเรามีเอกสิทธิ์เหนือบริเวณนี้เพราะไม่ค่อยมีคน ถ้าจะมาที่นี่ต้องเดินทางด้วยรถบัสที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น

เราจบการเดินทางด้วยการเยี่ยมเยือน Ryuzu Waterfalls ที่มีหลายชั้น เป็นที่รู้จักในอีกชื่อคือ Dragon's Head Water Fall เพราะหินขนาดใหญ่เรียงตัวกันเป็นรูปร่างคล้ายหัวมังกร เสียงคำรามลั่นของน้ำตกและความเขียวขจีโดยรอบยิ่งทำให้รู้สึกว่า น้ำตกเป็นสิ่งมีชีวิตที่กำลังหายใจอยู่ มีร้านน้ำชาขนาดเล็กตั้งอยู่ตรงจุดชมวิว เราจึงได้รับชมทิวทัศน์ของน้ำตกจากที่นั่นด้วย

ขอแนะนำให้เริ่มต้นจากยอดน้ำตกแล้วค่อยเดินลงไปด้านล่าง ฉันได้เพลิดเพลินเป็นพิเศษกับการนั่งคาเฟ่ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่บนจุดชมวิวของน้ำตก เป็นสถานที่อันเหมาะเจาะสำหรับการนั่งพักเย็นๆ หลังเดินกลางแดดมาตลอดทั้งวัน นี่คือหนึ่งในหลายครั้งระหว่างการท่องเที่ยวที่เราได้ชื่นชมความงดงามของน้ำที่การเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

ขณะที่ Limited Express Revaty ที่ขับนุ่มนั่งสบายเกือบจะขับกล่อมให้ฉันหลับใหล ฉันก็เริ่มวางแผนจะมาเที่ยวนิกโก้อีกรอบแล้ว นิกโก้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เดินทางง่ายจากโตเกียวแบบไปกลับในวันเดียวก็จริง แต่ฉันก็จินตนาการไม่ออกเลยว่าจะพยายามยัดแหล่งท่องเที่ยวทั้งหมดนี้ภายในวันเดียวได้อย่างไร มีสถานที่น่าสนใจมากมายเหลือเกินให้รับชมรอบโอคุนิกโก้และนิกโก้ แม้ว่าฤดูใบไม้ร่วงจะเป็นฤดูที่มีนักท่องเที่ยวคับคั่งที่สุดในนิกโก้ ฤดูร้อนของที่นี่ก็มีบางสิ่งที่งดงามจนต้องกลั้นหายใจและไม่อาจพบเห็นได้ในฤดูกาลอื่นๆ อาจเป็นเพราะเรามีโอกาสได้เห็นสัตว์ป่าหรือข้อเท็จจริงที่ว่าสภาพอากาศช่างขัดแย้งกับฤดูร้อนอันร้อนระอุของโตเกียว ไม่ว่าคุณจะได้มาเยือนในฤดูกาลใดก็ตาม นิกโก้ก็ยังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายประเภท บางสิ่งในแถบนี้ดูคุ้นตาเพราะได้รับอิทธิพลหลายอย่างจากโลกตะวันตก แต่ก็ยังมีการอนุรักษ์องค์ประกอบดั้งเดิมในวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่พลาดไม่ได้สำหรับคนรักธรรมชาติและผู้อาศัยในโตเกียวที่แสวงหาความสงบทางใจ

โรงแรมชูเซ็นจิ คะนะยะ โฮเทล
https://www.kanayahotel.co.jp/eng/ckh/(Eng)
การเดินทางไปนิกโก
http://www.tobujapantrip.com/th/area/nikko_kinugawa/access.html
ย้อนเวลาเจาะอดีตไปสมัยเอโดะ ท่องเที่ยวสัมผัสวัฒนธรรมและศิลปะกัน

สถานที่และพื้นที่ที่เกี่ยวข้อง